โรงเรียนวัดนาขุนแสน (แกละประชานุกูล)

หมู่ที่ 4 บ้านบ้านนาขุนแสน ตำบล สวนผึ้ง อำเภอ สวนผึ้ง จังหวัด ราชบุรี 70180

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

032 240189

Life is like

Life is like

Life is like

Life is like เราเริ่มขยับได้แล้ว เราดีใจมากที่เราเริ่มขยับได้ คุณฮิเดะพูดถูก “Misery”จะไม่อยู่ตลอดไป แต่!!คุณอย่าคิดว่าความทรมานของเราจะจบง่ายแค่นั้น เพราะชยับได้เพียงแค่ 2 ชม. ตัวเราก็จะกลับมาแข็ง พูดไม่เป็นภาษาคนอีกครั้ง และมันก็จะค่อยกลับมาหาย และตัวแข็งอีก เรายังทานอะไรไม่ได้กินได้แค่น้ำเกลือแร่ อะไรนอกจากนั้นแม้กระทั่งเยลลี่เรากินไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามกินอะไรเราก็จะอาเจียนเยอะมาก หน้าเราจะซีด และจบลงด้วยการเป็นลม

เรานึกถึงเพลง Hurry Go Round ของคุณฮิเดะ

“Hurry Go Round ” นั่นเหมือนตอนต่อของเพลง “Misery” หลังจากสอนให้เราพิจารณาความทุกข์ผ่านเผลงแล้ว เพลงนี้เปรียบ”ความสุข”เป็นเหมือนดอกไม้ที่เปล่งบานเมื่อฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้ก็พลางมอบผลที่สุกงอมยั่วยวน แต่”ความสุข”น่ะมันอยู่ได้ไม่นานหรอกซักวันหนึ่งดอกไม้จะต้องร่วงหล่นลงสู่พื้นดินเมื่อฤดูใบไม้ผลิจบ ผลที่สุกงอมก็ต้องเน่าเสียลง แต่รู้ไหมว่าเจ้าดอกไม้ได้แอบฝังรากไว้ใต้ดิน และฤดูอื่นๆก็จะมาพัดพาเอา”ความทุกข์”มาให้ แต่คุณอย่าไปสนใจ รีบเร่งไปที่ฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้บานสวยงามรออยู่

เพลงนี้เปรียบชีวิตเหมือนกับม้าหมุนที่หมุนวน เมื่อ”ความสุข”มาถึง เราก็ยินดีต้อนรับมัน แต่ใช่มันจะอยู่ตลอดไป เจ้าปิศาจร้าย “ความทุกข์” ก็รอจู่โจมเราเช่นเดียวกัน แต่”ความทุกข์” ใช่จะอยู่กับเราเสมอไป ซักวันนึงมันก็จะหายไป เหมือนกับฤดูต่างๆที่หมุนเวียนเปลี่ยนผัน และเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิรากที่แอบฝังไว้ใต้ดินมันก็จะกลายเป็นดอกไม้ที่เปล่งบาน และ”ความสุข”จะกลับมาอีกครั้ง

และนี่คือบทแปลเพลงของ Hurry Go Round ค่ะ

Hurry Go Round 

เนื้อร้องและทำนอง :Hide (แปลเพลงจากเนื้อเพลงภาษาอังกฤษค่ะ)

   ฤดูที่ดอกไม้บานอันสวยงามนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว

   …และมันจะกลับมาอีกครั้ง

   เพราะ

   รากของมันได้แอบหยั่งรากลึกรอวันที่จะกลับมาอีก

   ฉันหวังว่าอดีตที่สุขเหมือนดอกไม้บานจะกลับมาอีกครั้ง

   มันไม่ใช่ว่าฉันเศร้า แต่ก็ไม่มีความสุขเช่นกัน

   ฉันไม่เคยรู้เลยว่าช่วงเวลาความสุขในอดีตนั้นสำคัญแค่ไหน

   แต่วันเมื่อวานที่มีแต่ความสุขนั้นไม่สามารถหวนมาได้

   ชีวิตนั้นเหมือนกับ”ม้าหมุน” มันหมุนวนไปมา

   ฉันจะลืมความเจ็บปวดในตอนนี้ และก้าวต่อไป

   ถ้าหากยังหาไม่เป้าหมายไม่เจอ ฉันจะเดินทางต่อไป

   ถ้าจะให้ฉันเปรียบเทียบมันล่ะก็

   ผลที่เคยสุกงอม หอม และน่ายั่วยวนนั้น

    มันจะเบ่งบานคงอยู่ช่วงเวลานึงเท่านั้น

   และมันจะค่อยๆร่วงและหายไป

   เถาวัลย์ที่เคยเลื้อยคดเคี้ยวอยู่จะค่อยๆมาแทนผลที่สุกงอมจะค่อยๆเน่

   เหมือนกับเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำ มันจะกลับคืนสู่ผืนแผ่นดิน

   แต่ดอกไม้จะกลับมาเบ่งบานอีกครั้ง

   เหมือนกับ”ม้าหมุน”ที่หมุนวนและเวียนไป

   และเจอกันอีกนะเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง

   เจ้าดอกไม้ที่เราถวิลหาที่เรามองไม่เห็นในวันนั้น

   เหมือวันที่แดดส่องเจ้าดอกไม้ เราหันกลับไป จะเห็นมันยิ้มรออยู่

   (ชีวิต)หมุนและหมุนไป

   เศษส่วนแห่งความทรงจำส่องแสงวิบวับ

   น้ำตาและความโศกเศร้าถูกทรายกลืนกิน

   วิ่งหมุนวนไป  ถึงแม้ร่างคุณจะแหลกสลาย

   อย่ารีรอ เพราะจุดจบของทุกคนคือกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆอยู่ (พูดง่ายๆคือชีวิตไม่จีรังยั่งยืนอ่ะนะ)

   ไม่ต้องรีรอ

   จงหมุนไป หมุน และหมุน เหมือนม้าหมุน

   ถึงแม้ชีวิตจะค่อยๆจมดิ่งลง

   เจอก้นอีกทีเมื่อถึงฤดูใบไม่ผลิ

   เจอก้นอีกทีเมื่อถึงฤดูใบไม่ผลิ

   เจอก้นอีกทีเมื่อถึงฤดูใบไม่ผลิ

   สำหรับเรามันคือการปลอบโยนอันเยี่ยมยอด คือเพลงมันไม่ได้บอกว่าจะเจอความทุกข์ เจอแน่ๆ

…เพียงแต่……

มันจะไม่ได้อยู่กับเราตลอดกาล ซักวันหนึ่งมันจะสลายหายไป และความสุขกลับมา…มันเป็นความจริง ทุกสิ่งในโลกล้วนไม่จีรังคุณมีเงินนับล้านก็อาจหมดไปได้ในพริบตา แต่นั่นเป็นวัตถุภายนอก คุณอาจจะเสียใจ ต้องขายบ้านขายรถ แต่คุณอาจจะพบกับเศษเสี้ยวแห่งความสุขชิ้นเล็กๆในตัวเองในตอนสุดท้าย

   เหมือนเราที่ตอนแรกที่ฝันหวานว่าถ้าเราเรียนจบจะทำนู่นทำนี่ พอป่วย และยังไม่รู้ว่าเป็นไรอีกต่างหาก มันเหมือนตกจากหน้าผาที่เราปีนมาแล้วร้อยชั้น และชั้นที่ร้อยหนึ่งอาจเป็นชั้นสุดท้าย 

   มันเหมือนกับดอกไม้ที่เฉาแล้ว และยังไม่พอโดนลม โดนน้ำ โดนคนเหยียทับ แต่เราเชื่อว่าจะมีเมล็ด “เศษเสี้ยวแห่งความสุข” ของเราฝังอยู่และมันจะต้องงอกกลับขึ้นมาเป็นดอกไม้ที่งอกงามใหม่อย่างแน่นอน

   ดังเพลงที่ว่า “ความทุกข์” นั่นไม่จีรัง จากที่เราขยับตัวได้เพียง2ชม. เราก็ขยับตัวได้มากขึ้นเรื่อยๆจนไม่มีอาการตัวแข็งในที่สุด จากที่กินอะไรไม่ได้เลย เราก็เริ่มกินได้ เราได้ยินเสียงม้าหมุนในใจกำลังขยับอย่างช้าๆ

   แล้วเราก็ฝันเห็นคุณฮิเดะอีกครั้ง ตอนที่ใกล้จะหาย เขากำลังเดินจากเราไป เราตะโกนเรียกเขาอย่างสุดเสียง แต่เขาไม่หันมา มีเพียงกระดาษแผ่นเดียวที่ปลิวมา ซึ่งที่กระดาษเขียนว่า

“แล้วเจอกันเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ”